Category Archives: ศัลยกรรม

วิธีการประเมินไซส์ซิลิโคน ก่อนเสริมหน้าอก

ขนาดของถุงเต้านมที่ใส่เพื่อเสริมขนาดของเต้านมให้ใหญ่ขึ้น ใช่ว่าทุกคนจะสามารถใส่ได้ทุกขนาดตามความต้องการ แต่ต้องขึ้นอยู่กับ ความเหมาะสมและลักษณะทางกายวิภาคหน้าอกของตนเองด้วย วิธีการประเมินไซส์ซิลิโคนจะสามารถประเมินได้จากความหนาของเนื้อเต้านม ความกว้างของหน้าอก ที่ทำการวัดจากกระดูกไหปลาร้า กระดูกทรวงอก บริเวณหัวนม บริเวณลานนมและบริเวณฐานเต้านม ซึ่งขั้นตอนและวิธีการแพทย์ผู้ทำการศัลยกรรมจะเป็นผู้คำนวณตามความถนัดของตนเอง ค่าที่คำนวณออกมาได้จะเป็นค่าน้อยสุดถึงค่าที่มากสุดที่ของขนาดเต้านมที่สามารถเลือกขนาดได้นั่นเอง ซึ่งก่อนที่จะทำการเสริมหน้าอกแพทย์ยังจะต้องทำการตรวจร่างกายก่อนทำการผ่าตัดทุกอย่างรวมถึงการตรวจเต้านมเพื่อตรวจหาความเสี่ยงโรคที่เกี่ยวกับเต้านมด้วยทุกครั้ง ซึ่งการตรวจจะเน้นไปที่การตรวจหาโรคและความผิดปกติที่บริเวณกระดูกทรวงอก กล้ามเนื้อ ผิวหนังและต่อมน้ำเหลือง ผู้ที่ต้องเข้ารับการตรวจสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ

1.กลุ่มคนมีประวัติ คือ กลุ่มคนที่บุคคลในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคเกี่ยวกับเต้านม เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมน้ำเหลือง หรือเคยได้รับยาฮอร์โมนหรือยาคุมกำเนิดติดต่อกันเป็นระยะเวลาที่นาน ซึ่งอาจมีความเสี่ยงในการเกิดโรคที่บริเวณเต้านมได้

2.กลุ่มที่มีความผิดปกติ คือ กลุ่มที่เคยตรวจพบความผิดปกติที่บริเวณเต้านม เช่น ก้อนเนื้อที่บริเวณเต้านม ผู้ที่มีอาการเจ็บเต้านมบ่อยหรือมากผิดปกติ มีน้ำไหลออกมาจากหัวนมหรือมีแผลเกิดขึ้นที่ผิวหนังของเต้านมโดยไม่ทราบสาเหตุ สำหรับการตรวจเต้านมแล้วพบว่าคนไข้มีก้อนเนื้อต้องทำการตรวจอย่างถี่ถ้วนว่าก้อนเนื้อดังกล่าวเป็นอันตรายต่อร่างกายหรือไม่ ถ้าเป็นก้อนเนื้อที่ไม่เป็นอันตรายก็สามารถทำการเสริมหน้าอกได้

3.กลุ่มที่มีอายุเกิน 35 ปี คนในกลุ่มนี้หากต้องการเสริมหน้าอกจะต้องทำการตรวจคัดกรองโรคที่มีความเสี่ยงที่บริเวณเต้านมอย่างละเอียด

หลายคนที่เข้ารับการผ่าตัดเสริมหน้าอกต้องการเต้านมที่ใหญ่เกิดความจำเป็น แต่แพทย์ไม่ทำการเสริมให้ตามขนาดที่ต้องการ เนื่องจากการเสริมหน้าอกที่มีขนาดใหญ่เกินความจำเป็นจะต้องทำการเลาะเนื้อหรือกล้ามเนื้อให้เกิดช่องว่างที่มีขนาดใหญ่ตามขนาดของซิลิโคน จึงมีความเสี่ยงที่เส้นประสาทและเส้นเลือดจะถูกตัดออก ส่งผลให้เกิดอาการชา เลือดออกมากและมีอาการเจ็บปวดมาก และในระยะยาวจะมีอาการ ผิวหนังแตกลาย หนังเกิดการยืดคราก เต้านมมีการย้อยต่ำมากกว่าปกติ เต้านมมีลักษณะเป็นลอนคลื่นอย่างเห็นได้ชัด บริเวณหัวนมและเต้านมมีความรู้สึกชาหรือไร้ความรู้สึก การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นทำได้ด้วยการผ่าตัดใหญ่เท่านั้น และบางปัญหาไม่สามารถแก้ไขให้เต้านมกลับมาสวยงามเช่นเดิมได้

ผู้ที่สามารถทำการเสริมหน้าอกได้ควรมีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป สำหรับหญิงที่ให้นมบุตรควรหยุดให้นมบุตรหรือหยุดปั้มนมอย่างน้อย 6 เดือนเพื่อที่เต้านมจะกลับเข้าสู่สภาพปกติก่อนที่จะมีน้ำนมหรือผู้ที่อยู่ในสภาวะการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักไม่ว่าจะเป็นการลดน้ำหนักหรือเพิ่มน้ำหนักต้องรอให้น้ำหนักคงที่อย่าองน้อย 6 เดือนเช่นเดียวกัน เพื่อที่ขนาดของซิลิโคนที่เสริมเข้าไปจะได้พอดีกับขนาดของลำตัวนั่นเอง ผู้ที่ทำการเสริมหน้าอกแล้วเมื่อตั้งท้องก็สามารถให้น้ำนมบุตรได้ตามปกติแต่ปริมาณน้ำนมที่มีอยู่อาจจะน้อยกว่าคนที่ไม่ได้เสริมหน้าอกอยู่บ้าง

 

ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของ Ulthera

ulthera2

จุดเด่นที่สำคัญที่ทำให้ Ulthera เป็นเครื่องมือที่มีความจำเพาะสำหรับแต่ละบุคคล คือ โปรแกรม SEE and TREAT  โปรแกรมที่ช่วยให้แพทย์สามารถเห็นภาพชั้นผิวหนังที่กำลังได้รับการรักษาผ่านหน้าจอเครื่องได้ตลอดเวลา (Real Time Monitoring System) แพทย์จึงสามารถปรับระดับคลื่นเสียงที่มีระดับพลังงานได้เหมาะสม และมีความจำเพาะในการรักษาได้มากขึ้น Ulthera  จึงส่งผลให้การรักษามีความแม่นยำและปลอดภัยสูง และให้ผลการรักษาที่ดีกว่า

ความรู้สึกขณะได้รับการรักษา

การรักษาแต่ละครั้งจะใช้เวลานานประมาณ 30-90 นาที ขึ้นกับบริเวณที่ทำการรักษา  ผู้ได้รับการรักษาจะรู้สึกอุ่นๆ ที่ใต้ชั้นผิว แสดงได้ถึงพลังงานขนาดเล็กๆ ที่เครื่องส่งผ่านลงไปลึกถึงชั้น SMAS อันเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าได้มีการกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนขึ้นแล้ว ภายหลังการรักษาผู้ได้รับการรักษาสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ  โดยไม่ต้องมีการพักฟื้น

ผลลัพธ์ของการรักษาด้วย Ulthera

เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในทันทีหลังการรักษา แนวคิ้วและหางตายกขึ้น กรอบหน้าชัดเจนขึ้น

ผลลัพธ์ที่ดีจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากคอลลาเจนใหม่จะมีการสร้างออกมาอย่างต่อเนื่อง

ภายใน 3 เดือน โครงสร้างผิวจะได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ (Collagen Remodeling) และอยู่ต่อเนื่องยาวนานกว่า 1-2 ปี

คนที่ได้รับการรักษา จะสามารถรับรู้ถึงผลการรักษาที่ชัดเจนว่า แนวคิ้วยกขึ้น ทำให้ดวงตาดูโตขึ้น, ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ นอกจากนี้ยังสัมผัสได้ถึงผิวที่ตึงกระชับ, ใบหน้ายกได้รูป,  รูขุมขนเล็กลง, ผิวเรียบเนียนขึ้นทั้งบริเวณหน้า และคอ โดยไม่ต้องพึ่งการทำศัลยกรรม

 

เสริมหน้าอกที่ไหนดี แบบราคาเบาๆต้องที่นี่เลย

%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%ad%e0%b8%81

การศัลยกรรมหน้าอกถือว่าเป็นอีกหนึ่งการศัลยกรรมที่ทุกวันนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย สำหรับใครที่กำลังมองหาว่าจะเสริมหน้าอกที่ไหนดีนั้น  โดยลองเปรียบเทียบกับสมัยก่อน ใครที่จะไปทำหน้าอกได้ ทั้งต้องรวยมาก กล้ามาก และต้องอดทนมากอีกด้วย ก็เพราะสมัยก่อนทั้งแพง ทั้งเจ็บ ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ยังไม่ก้าวไกลเหมือนอย่างในปัจจุบัน และะยังต้องแบกรับกับคำพูดจากการไม่ค่อยยอมรับจากสังคม แต่ปัจจุบันทุกอย่างเปลี่ยนไป ศัลยกรรมหน้าอกเป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายทั้งชายและหญิงทั้งราคาที่เข้าถึงง่าย เจ็บตัวน้อย และสังคมที่เปิดกว้างยอมรับได้แล้ว

ในสมัยนี้มีหมอเก่ง ๆ ด้านศัลยกรรมหน้าอกมากขึ้น อย่างที่ดังๆที่สาวแท้สาวเทียมเลือกที่จะไปอัพไซต์ก็ต้องที่ bcsclinic.com เพราะแค่ฟังชื่อก็ต้องร้องอ้อกันแล้ว สำหรับข้อดีของที่นี่จะเหมาะมากกับคนที่มีงบประมาณค่อนข้างมีจำกัด ซึ่งราคาศัลยกรรมหน้าอกของคลินิกนี้จะอยู่ที่แค่ประมาณหลักหมื่นจนถึงหลักครึ่งแสนเท่านั้นและต้องบอกว่าก็จะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆเพิ่มเติมขึ้นมาอีก เรียกว่างบไม่บานปลายเหมือนอย่างคลินิกอื่น แถมความสวยงามของหน้าอกก็ไว้ใจได้ ทำออกมาแล้วดูธรรมชาติเสมือนของจริงมากๆ ไม่ใช่แบบแข็งทื่อๆ ดูรู้ว่านี่นมปลอม

สำหรับใครที่จะไปทำที่นี่แนะนำให้โทรไปจองล่วงหน้าเพราะอาจต้องรอคิวบ้าง แต่การจองไม่ต้องมีการมัดจำ แต่หากใครอยาก walk-in ไปก็ได้เหมือนกันแต่คงไม่ได้รับบริการเลย เพราะการเสริมหน้าอกต้องอาศัยความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจด้วย ต้องมีการพูดคุยรับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน

 

ข้อควรรู้ก่อนทำและหลังทำตาสองชั้น

 

%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%aa%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%8a%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%99-1

 

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดตาสองชั้น

เนื่องจากเป็นการทำผ่าตัดโดยใช้ยาชาเฉพาะที่ ไม่ต้องดมยาสลบ จึงไม่ต้องอดอาหาร แต่ไม่ควรใช้เครื่องสำอางใดๆในบริเวณใบหน้า เพราะจะทำให้ยากต่อการเช็ดออกก่อนทำผ่าตัด ตลอดจนเป็นบ่อเกิดการติดเชื้อโรคได้ อีกกรณีคือ หากผู้ป่วยมีการรับประทานยาห้ามเลือด ยาลดการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแอสไพริน ควรหยุดรับประทาน 7-10 วัน เพราะอาจเป็นเหตุให้เลือดออกง่าย และออกมากกว่าปกตินั้นเอง

อาจจะสระผมก่อนมาผ่าตัด เพราะหลังการผ่าตัดเราอาจจะสระผมไม่สะดวก และควรงดการทำงานหรือออกกำลังกายหนัก ที่อาจพลาดพลั้งถูกแผลผ่าตัด แต่ถ้าหากเป็นงานเบาๆ ก็ยังพอทำได้หลังผ่าตัด 1-2 สัปดาห์ ตาทั้ง 2 ข้าง จะบวม มากบ้างน้อยบ้าง และควรงดใช้เครื่องสำอางบริเวณตาจนกว่าแผลจะหายสนิท ซึ่งมักจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์

วิธีดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมตา

  1. ในวันผ่าตัดไม่ควรขับรถไปเอง ควรมีผู้ติดตามไปด้วย เพราะเมื่อผ่าตัดเสร็จผู้ป่วยจะยังใช้สายตาไม่สะดวก
  2. พกแว่นกันแดดติดตัวไปด้วยในวันผ่าตัด เพื่อใช้อำพรางดวงตาและป้องกันแสงแดด
  3. นอนหนุนหมอนสูง 2-3 ใบ ในช่วงวันแรกหลังผ่าตัด
  4. ในช่วง 3 วันแรกหลังผ่าตัด ให้ประคบเย็นที่บริเวณหน้าผากและรอบดวงตา โดยประคบ 15 นาที เว้น 15 นาที เพื่อช่วยห้ามการไหลซึมของเลือดที่จะซึมมาตลอดหลังการผาตัด
  5. ทานยาแก้อักเสบและลดบวม หากเกิดอาการปวดสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ หลีกเลี่ยงการดื่มของมึนเมา เนื่องจากจะมีผลทำให้แผลหายช้าและนอนพักผ่อนให้เพียงพอ
  6. หลังการผ่าตัด 24 ชั่วโมง สามารถทำความสะอาดแผลได้ โดยใช้สำลีก้อนชุบน้ำอุ่นเช็ดเบาๆ บริเวณแผลที่เปลือกตาและซับให้แห้ง แล้วทายาเคลือบแผลตามแพทย์สั่ง
  7. ผู้ป่วยไม่ควรล้างหน้าในช่วง 3 วันแรกหลังทำ เพื่อให้แผลแห้งและหายเร็ว
  8. พยายามอย่ากะพริบตาถี่เพื่อหลีกเลี่ยงอาการบวม
  9. ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่จะมีผลต่อการเพิ่มความดันในดวงตา เช่น การเล่นกีฬาทุกประเภท การก้ม การยกของหนักหรือแม้แต่การร้องไห้ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการออกแดด และสวมแว่นกันแดดเสมอจนกว่าแผลจะหายเป็นปกติ
  10. ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมทุกอย่างที่ต้องใช้สายตา เช่น อ่านหนังสือนานๆ การใช้คอมพิวเตอร์ และการใส่คอนแทคเลนส์ เนื่องจากทำให้ตาแห้งได้
  11. ไม่ควรขยี้ตาแรงในช่วง 3 สัปดาห์แรกหลังจากทำ บางคนอาจจะมีขี้ตามากกว่าปกติ และรู้สึกตึงหนังตาบนบ้าง ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายเป็นปกติภายใน 1 สัปดาห์
  12. ในช่วงแรก ชั้นตาจะยังดูบวม หนา ไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งจะค่อยๆ ยุบลงไปเรื่อยๆ แล้วจะสามารถเห็นชั้นตาที่สวยงามในสัปดาห์ที่ 4 และจะหายสนิทในระยะเวลา 1 – 3 เดือนหลังผ่าตัด

การผ่าตัดเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนเหลว

หากเราพูดถึงการศัลยกรรมเสริมหน้าอกในปัจจุบันนี้ คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เพราะการศัลยกรรมหน้าอกได้รับความสนใจและนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มบรรดาหญิงสาว การเสริมหน้าอกนอกจากจะทำให้หน้าอกของคุณสวยงามแล้ว ยังเพิ่มความมั่นใจ ช่วยให้บุคลิกของคุณดีขึ้นด้วยค่ะ ด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์สมัยใหม่ทำให้การศัลยกรรมเสริมหน้าอกทำได้ง่ายและปลอดภัยกว่าหลายปีก่อน วัสดุที่ใช้ในการผ่าตัดเสริมหน้าอกนั้นก็ได้พัฒนาขึ้นจากเดิมที่ใช้เพียงถุงน้ำเกลือ ในปัจจุบันก็มีการพัฒนามาเป็นซิลิโคนที่มีความยืดหยุ่นสูง เมื่อเสริมแล้วหน้าอกสวยดูเป็นธรรมชาติ และมีความปลอดภัยเพราะซิลิโคนที่ใช้ในการศัลยกรรมนั้นได้รับการรับรองมาตรฐานจาก UFDA มั่นใจได้ว่าไม่มีอันตรายต่อร่างกายแน่นอน

การผ่าตัดเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนเหลว หรือซิลิโคนเจล ค่อนข้างได้รับความนิยมเพราะซิลิโคนเจลที่บรรจุอยู่ในถุงซิลิโคน เป็นซิลิโคนที่มีความทนทาน เนื้อเจลคงตัว ซิลิโคนไม่ทะลักออกมา ด้วยความที่มีโมเลกุลที่ดีเยี่ยมจึงมั่นใจได้ว่าไม่มีการรั่วไหลของเนื้อเจลเข้าสู่ร่างกายอย่างแน่นอน ส่วนผิวด้านนอกของซิลิโคนเจลมีทั้งแบบผิวเรียบ ผิวขรุขระ ซึ่งพื้นผิวของซิลิโคนนี้เองมีผลต่อการยึดเกาะของพังพืดรอบๆ ซิลิโคน สำหรับขนาดของซิลิโคนที่จะใช้ในการผ่าตัดอยู่กับความต้องการและความเหมาะสมค่ะ

ข้อดีของการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนเจล

1. ซิลิโคนมีความคงตัวและยืดหยุ่นทำให้หน้าอกสวย ดูเป็นธรรมชาติ
2. การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนเจลสามารถอยู่ได้นาน และไม่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม
3. ใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นไม่นานก็สามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ

ข้อเสีย

1. พังผืดอาจมีการห่อหุ้มรอบๆ ซิลิโคน
2. หากพังผืดที่ห่อหุ้มรอบซิลิโคนไม่ฉีกขาด การตรวจสอบว่าซิลิโคนรั่วไหลนั้นทำได้ยาก
3. หากพังผืดมีการฉีกขาด และซิลิโคนเหลวไหลออกมาบริเวณนอกถุง พังผืดอาจห่อหุ้มซิลิโคนนั้นด้วย ซึ่งจะทำให้รูปทรงอาจเปลี่ยนไป และบางรายจะรู้ได้ว่าเต้านมแข็งขึ้นจากเดิม

ขั้นตอนการผ่าตัดเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนเจล

การผ่าตัดสามารถทำได้หลายวิธี ได้แก่ 1. การผ่าตัดบริเวณใต้รักแร้ 2. การผ่าตัดบริเวณใต้ราวนม และ 3. การผ่าตัดบริเวณปานนม

ตัดนม เป็นการเพิ่มความมั่นในให้กับผู้ที่ต้องการที่จะเป็นทอม

ศัลยกรรมตัดนม ที่ http://www.bcsclinic.com เป็นการผ่าตัดเพื่อเอาเนื้อเต้านมออกเพื่อให้เต้านมมีลักษณะใกล้เคียงกับเต้านมของเพศ ชายมาก ขึ้น โดยการผ่าตัดจะทำโดยการลงมีดที่บริเวณปากนมครึ่งล่าง(areolar) แผลผ่าตัดดังกล่าวเมื่อหายแล้วจะซ่อนได้ดีกว่าอื่น ๆ เนื่องจากสีจะกลืนไปกับสีของปานนมได้ดี การผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หลังการผ่าตัดแล้วแพทย์จะวางท่อระบายเลือดไว้ประมาณ 2 วัน เมื่อไม่มีเลือดหรือน้ำเหลืองออกมาแล้วก็จะเอาท่อระบายเลือดออก แผลผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ก็จะตัดไหมออกได้ ผู้ป่วยที่มีเต้านมค่อนข้างใหญ่หลังผ่าตัดอาจจะมีผิวหนังส่วนเกินบ้างในระยะแรก แต่จะค่อยยุบตัวลงจนแนบกับหน้าอกได้ในเวลาประมาณ 1 – 2 เดือน

ตัดนม

 

ในกรณีที่ผู้ป่วยมีเต้านมขนาดโตมาก ๆ จริง ๆ จึงจะใช้วิธีการผ่าตัดนมที่มีแผลเป็นเป็นรูปสมอเรือ จะต้องย้ายหัวนมขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งมาตรฐาน ทั้งนี้ผู้ป่วยจะต้องยอมรับสภาพการมีแผลเป็นที่เห็นชัดได้ในบางรายไปตลอดชีวิต

ส่วนของหัวนมในบางราย อาจจะต้องการปรับแต่งให้ดูเล็กลง ซึ่งกรณีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยที่มีหน้าอกขนาดใหญ่ การผ่าตัดนมออกนั้นเป็นไปได้ยากที่แพทย์จะเก็บเส้นประสาทที่เลี้ยงหัวนมและปานนมไว้ได้ทั้งนี้เพราะเส้นประสาทจะวิ่งผ่านตัวเต้านมเข้ามาจากทางด้านข้าง เมื่อตัดนมออกไปแล้วเส้นประสาทย่อมจะต้องถูกตัดออกไปด้วย ดังนั้นหัวนมจะมีความรู้สึกน้อยลงอย่างชัดเจนและเป็นเช่นนั้นไปตลอด แต่บางรายอาจจะรู้สึกขึ้นได้บ้างโดยเฉพาะรายที่ผ่าตัดทางปานนมก็จะมีความรู้สึกเช่นเดียวกับหนังที่หน้าอก แต่มีความรู้สึกต่อการกระตุ้นทางเพศจะลดลงชัดเจน

แต่ในลักษณะภายนอก เมื่อผู้ป่วยได้ทำการตัดนมออกไปแล้ว ผู้ป่วยก็จะมีหน้าอกเหมือนของผู้ชาย 100% ในกรณีที่เนื้อตรงหน้าอกจะมีการขยายขึ้นได้นั่น คุณหมอได้อธิบายว่า ถ้ามีการตัดหน้าออกไปแล้ว โอกาสที่เนื้อตรงหน้าอกจะขยายออกในอนาคตนั้นเป็น 0% เพราะการผ่าตัดของคุณหมอจะเป็นการเอาเนื้อในหน้าอกออกมาจนหมด ซึ่งจะไม่มีการขยายได้เองแน่นอน อีกทั้งผู้ป่วยจะต้องกินฮอร์โมนเพศชายควบคุมมาก่อนแล้ว

ผลข้างเคียงหลังจากการผ่าตัดนม จะมีในช่วงระยะแรกหลังจากการผ่าตัด ส่วนใหญ่ที่พบในผู้ป่วยจะไม่รุนแรงมาก ก็จะเป็นเกี่ยวกับแผลเป็นที่ผู้ป่วยจะต้องมีอยู่แล้ว ในบางรายก็อาจจะมีเลือดคลั่งบ้าง แต่ว่าไม่มีอันตรายอะไรมาก สามารถหายได้เอง หรือว่ามาให้คุณหมอเจาะให้เลือดออกมา ก็สามารถแก้ปัญหาได้ นอกจากนั้นไม่มีผลข้างเคียงอะไรร้ายแรง

ในกรณีที่ผู้ป่วยต้องการผ่าตัดนมอย่างเดียว จะต้องมีการคุยกับจิตแพทย์ประมาณอย่างน้อย 1 ปี หรือในบางรายก็อาจจะต้อง 2 ปี

ศัลยกรรมกับผู้หญิงแล้วถือว่าเป็นของคู่กัน

ผู้หญิงทุกคนอยากเกิดมาสวยตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ถ้าเกิดมาไม่สวยดังที่ต้องการ ทางเลือกเปลี่ยนชีวิตนั้น คงหนีไม่พ้นการศัลยกรรม ด้วยความที่ผู้หญิงให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมมากขึ้นเรื่อยๆ การศัลยกรรมเกิดขึ้นมาหลายรายการ เป็นการแสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของความงามที่สามารถทำได้ชั่วพริบตา แต่กว่าจะได้มาซึ่งความงามแต่ละครั้งนั้น สะท้อนให้เห็นความยากลำบากก่อนได้ความสวยดั่งใจต้องการ

แม้จะรู้ว่ากว่าจะสวย ต้องผ่านความเจ็บ ความทรมาน หรือมีผลเสียแค่ไหน แต่คุณสาวๆ หลายคนก็เลือกที่จะพึ่งมีดหมอเพื่อเปลี่ยนชีวิต “การทำสวยด้วยศัลยกรรม” จึงยังเป็นเทรนด์ที่ฮอตไม่เลิก และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทุกปี ก่อนที่คุณจะทำศัลยกรรม เปลี่ยนลุคมีข้อมูลน่ารู้มาแนะนำค่ะ
– หาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรม ก่อนจะคิดเปลี่ยนโฉมตัวเอง ควรคำนึงถึงผลดี–ผลเสียที่จะได้รับ ให้รอบคอบก่อน อย่าด่วนตัดสินใจ หรือทำตามกระแส ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และคนในครอบครัวด้วย
– ควรตรวจสอบสุขภาพตัวเอง หรือตรวจเช็คสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะคนที่มีความเสี่ยง เช่น มีอายุที่มากขึ้น มีประวัติในครอบครัว โรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับระบบการหยุดเลือด ทำให้เลือดออกมากผิดปกติ หรือเลือดหยุดยาก
– แจ้งโรคประจำตัว ยาที่ใช้ประจำ ประวัติการแพ้ยารับประทาน หรือยาชา ยาสลบ ให้แพทย์ทราบ สำหรับผู้หญิงควรให้ข้อมูลการมีประจำเดือนให้ด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบต่อการตั้งครรภ์
– งดหรือเลิกสูบบุหรี่ อย่างน้อย 4 สัปดาห์ ก่อนและหลังผ่าตัด เพราะสารที่อยู่ในบุหรี่จะทำลายเซลส์ที่จะซ่อมแซมการหายของแผล และมีผลทำให้เลือดที่จะมาหล่อเลี้ยงบริเวณผ่าตัดลดลง มีโอกาสทำให้ผิวหนังที่ผ่าตัดขาดเลือด หายช้า เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
– งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในคืนก่อนผ่าตัด และ 1สัปดาห์หลังผ่าตัด
– เตรียมภาวะจิตใจให้พร้อม ไม่ตื่นเต้นมากกว่าความเป็นจริง และควรรับทราบว่าหลังการผ่าตัดศัลยกรรมมีโอกาสเกิดรอยช้ำและการเปลี่ยนแปลง ซึ่งต้องใช้เวลาในการเข้าที่หรือความเคยชินกับภาพลักษณ์ใหม่