เคยสงสัยกันบ้างไหมว่ารถทัวร์ในประเทศไทยมีกี่ประเภทและทำไมต้องมีการจัดแบ่งรถทัวร์ออกเป็นมาตรฐานต่าง ซึ่งมาตรฐานของรถสามารถบ่งบอกถึงคุณภาพในการให้บริการแน่นอน ราคาตั๋วย่อมแตกต่างกันด้วย ดังนั้นท่านจึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานรถที่สามารถพบเห็นได้ในประเทศไทยแน่นอนรถที่มีที่นั่งน้อยๆ ย่อมราคาแพงกว่ารถที่มีที่นั่งเยอะ เช่น รถ – ม1ก ย่อมแพงกว่า รถ – ม1พ เพราะ ม1ก มีที่นั่งเพียง 24 ที่นั่ง ทำให้ปรับเบาะเอนปรับนอนได้ราบมากยิ่งขึ้น เพิ่มความสบายแก่ผู้โดยสารและรถมีความโล่งไม่แออัดกัน เป็นต้น ส่วนรถ ม1พ ซึ่งมีที่นั่งเพิ่มขึ้นมาเป็น 32 ที่นั่ง ทำให้รถมีความแออัดและปรับเบาะเอนได้น้อยลง ดังนั้นในการจองตั๋วรถท่านควรสังเกตด้วยุว่าท่านจะได้นั่งรถมาตรฐานใดหลายๆ ท่านคงเคยมีประสบการณ์ในการนั่งรถทัวร์ในมาตรฐานต่างๆ มาแล้ว ซึ่งแน่นอนมีคำแนะนำดีคือ หากท่านต้องเดินทางในระยะทางไกล ๆ เช่น กรุงเทพ หาดใหญ่หรือกรุงเทพ – เชียงใหม่ ซึ่งใช้เวลาเดินทาง 10 -12 ชั่วโมง ท่านควรเลือกจองรถที่มีมาตรฐานที่มีจำนวนที่นั่งน้อยๆ เพราะจะทำให้ท่านไม่เหนื่อยมากในการเดินทาง
การให้กระทรวงคมนาคมดูแลเรื่องรถทัวร์โดยเฉพาะกรณีของรถโดยสารสาธารณะ 2 ชั้น เนื่องจากมองว่าอันตรายอีกทั้งที่ผ่านมามักจะเกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่จะพบปัญหาในช่วงเวลาเข้าโค้งโดยนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ยกเลิกรถโดยสารสาธารณะ 2 ชั้น ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป ซึ่งกรมการทางบกจะยกเลิกการจดทะเบียนรถทัวร์ 2 ชั้นทั้งหมด ส่วนกรณีของรถโดยสารสาธารณะ 2 ชั้น ที่ได้จดทะเบียนและให้บริการอยู่ในปัจจุบันจำนวน 20,000 คันนั้น พบว่ากลุ่มหนึ่งมีการจดทะเบียนตั้งแต่ปี 2556 และทะเบียนจะหมดในปี 2560 ขณะที่อีกส่วนทำการจดทะเบียนในปี 2558 และจะสิ้นสุดปี 2563 ย่อมเท่ากับว่าภายในปี 2563 จะไม่มีรถโดยสารสาธารณะ 2 ชั้นบนท้องถนนอีกแล้ว นอกจากนี้กระทรวงคมนาคม จะเข้มงวดกับรถโดยสารสาธารณะที่มีความสูงเกิน 3.6 เมตร โดยต้องผ่านการทดสอบความลาดชันอย่างเข้มงวด หากไม่ผ่านการทดสอบต้องหยุดวิ่งทันทีรถทัวร์ที่จะจดทะเบียนใหม่ ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2559 ต้องติดตั้งระบบจีพีเอสทุกคัน ส่วนรถเก่าก็ต้องติดตั้งระบบจีพีเอสเช่นเดียวกันพร้อมเชื่อมต่อกับระบบของกรมการขนส่งทางบกให้ครบทุกคันภายในปี 2560 เพื่อควบคุมพฤติกรรมคนขับไม่ให้ขับเร็วไม่ขับโดยประมาท ซึ่งเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุจำนวนมาก