Daily Archives: 11/22/2016

เคล็ดลับสแลนกรองแสงกับการเลือกใช้งานให้เหมาะสมในงานเกษตรกรรม

23

เนื่องด้วยในตลาดมีแสลนกรองแสง หรือ ตาข่ายกรองแสง จำหน่ายอยู่มากมายหลายสี หลายแบบ ทำให้บางคนเลือกใช้แสลนไม่ถูก ไม่รู้จะใช้แบบไหนดี หรือนำมาใช้แล้วประสิทธิภาพของกรองแสงที่ได้ไม่ตรงตามความต้องการใช้งาน

ในการเลือกใช้งาน แสลนกรองแสง หรือ ตาข่ายกรองแสง ให้มีประสิทธิภาพตรงตามความต้องการ นั้นต้องทำอย่างไร จึงทำให้มีหลายคนเกิดคำถามขึ้นมาว่า แล้วจะเลือกใช้แสลนแบบกรองแสงกี่เปอร์เซ็นต์ดี? หรือเลือกใช้แสลนสีไหนดี?

เช่นนั้นแล้ว kongsawat.com จึงมีเคล็ดลับในการเลือกใช้งาน แสลนกรองแสง หรือ ตาข่ายกรองแสง สำหรับงานเกษตร มาฝากครับ

หน้าที่ของแสลนกรองแสงนั้นคือการลดทอนความเข้มแสงให้บางเบาลงเพื่อไม่ให้พืชนั้นได้รับแสงมากจนเกินไป การเลือกเปอร์เซ็นต์ในการกรองแสงของแสลนก็จะขึ้นอยู่กับชนิดของพืช กับช่วงอายุของพืชที่เราปลูกครับ เช่น ในช่วงของการเพาะเมล็ด จนถึงช่วงอนุบาลกล้าก็ต้องใช้การกรองแสงมากหน่อยประมาณ 70% ถึง 80% ครับ และเมื่อต้นกล้ามีอายุมากขึ้น จนสามารถย้ายลงแปลงเพาะปลูกได้นั้น ปริมาณแสงที่ได้รับก็ต้องเพิ่มขึ้น เราอาจจะใช้กรองแสงแค่ประมาณ 50% ถึง 60% ก็เพียงพอต่อความต้องการของพืชแล้วล่ะครับ และหากว่าชนิดพืชที่ปลูกนั้น เป็นพืชจำพวกที่ไม่ชอบแสงจัด ต้องการร่มเงา อย่างเช่น กล้วยไม้ พืชกลุ่มนี้ไม่ต้องการแสงปริมาณมากๆ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องใช้กรองแสงในปริมาณที่สูงขึ้นซัก 80% กำลังดีครับ

หากต้องการใช้แสลนที่ปริมาณกรองแสงน้อยกว่า 50% นั้น หรือปริมาณกรองแสงที่ไม่มีขาย เราสามารถทำได้ง่ายๆครับ เช่น ต้องการปริมาณกรองแสงที่ 25% ก็ให้หาแสลนกรองแสงแบบ 50% มาสองผืน ขึงกางซ้อนกัน โดยให้เว้นระยะห่างระหว่างผืนซักประมาณ 1 ไม้บรรทัด (12 นิ้ว) ครับ เพียงเท่านี้เราก็จะได้ปริมาณกรองแสงที่ใกล้เคียงกับ 25% แล้วล่ะครับ

และอีกเรื่องคือ สีของแสลน ที่มีทั้ง สีดำ และ สีเขียว แล้วเราควรจะใช้สีอะไรดีล่ะ? ทั้ง 2 สีนั้นมีความแตกต่างกันในเรื่องของสีกับแสงและความรู้สึกครับ กล่าวคือ สีดำจะไม่ไปตัดทอนค่าความยาวของคลื่นแสง แสงที่ลอดผ่านแสลนสีดำนั้น จะเป็นแสงขาวเหมือนที่เราเห็นทั่วไป แต่แสลนสีอื่นจะสะท้อนตัดทอนค่าความยาวของคลื่นแสงที่เป็นสีเดียวกับสีของแสลนนั้นออกไป และพืชก็ต้องการแสงสีน้ำเงินและแดงเป็นหลัก ซึ่งรวมอยู่ในแสงขาวอยู่แล้ว ถ้าแสงสีเหล่านี้ถูกตัดทอนออกไปก็จะมีผลต่อการสังเคราะห์แสง จนถึงการเจริญเติบโตของพืชครับ ส่วนแสลนสีเขียวนั้นเราจะเห็นคนเลือกใช้กันเยอะมากกว่าสีดำ นั่นก็เพราะว่า ประเด็นหนึ่งเลยคือแสลนสีดำเก็บความร้อนดีกว่าสีเขียว ตามคุณสมบัติของสีดำ ซึ่งส่งผลให้ในระยะยาวแสลนสีดำนั้นจะพุพังเสื่อมคุณภาพเร็วกว่าสีเขียวนั่นเองครับ

แต่ทั้งนี้ข้อมูลการเปรียบเทียบทางวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับความแตกต่างของสีแสลนนั้น ก็ยังไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญมากเท่าไรนัก อยู่ที่ตัวผู้ใช้เองกับความรู้สึกที่มีต่อสีซะมากกว่า

นอกจากนี้ประโยชน์ของ แสลน หรือ ตาข่ายกรองแสง ยังช่วยในเรื่องของการลดความแรงตกกระทบของเม็ดฝนที่อาจจะทำให้ใบของพืชช้ำได้ และเวลาขึงแสลนควรจะขึงให้มันตึงที่สุดเท่าที่จะตึงได้ เพราะว่าการขึงให้ตึงนั้นมันจะช่วยป้องกันการกระพือได้ อีกอย่างคือลดการอุ้มน้ำ (น้ำขัง) เวลาเจอฝนตกได้ครับ