Monthly Archives: April 2016

ถุงมือผ้าป้องกันและลดอาการบาดเจ็บ ช่วยจับชิ้นงานได้สะดวกขึ้น

ถุงมือผ้าถุงมือผ้า ผลิตด้วยผ้าที่มีคุณภาพดี เกรด A++ น้ำหนักได้มาตรฐาน จากราคาโรงงาน จัดส่งสินค้าที่ตรงเวลาเพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้ารับผลิตถุงมือผ้าให้กับลูกค้าทั้งภาคอุตสาหกรรมโรงงาน ร้านค้าและองค์กรต่างๆ ด้วยประสบการณ์การผลิตมาอย่างยาวนานทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ในผลิตภัณฑ์ของเรา ด้วยราคาที่ยุติธรรม จากผู้ผลิตโดยตรง และการจัดส่งที่ตรงเวลา ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ในผลิตภัณฑ์ของเรา เรายังมีถุงมือผ้าให้เลือกหลาย Size หลายขนาดให้เลือกซื้อ ถุงมือผ้าของเราเหมาะสำหรับบริษัท โรงงานอุตสาหกรรมผู้ผลิตต่างๆ ด้วยเนื้อผ้าอย่างดีมีคุณสมบัติทนทานต่อแรงฉีกขาดป้องกันความร้อนได้ดี ที่สำคัญคือราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพสินค้าที่ได้รับจากร้านของเรา

ถุงมือผ้าของเราเหมาะสำหรับการหยิบจับชิ้นงานในกระบวนการผลิตภายในโรงงานอุตสาหกรรมหรือบริษัททีผลิตสินค้า เพื่อป้องกันและลดอาการบาดเจ็บ ช่วยจับชิ้นงานได้สะดวกขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วย น้ำหนักที่ได้มาตรฐาน ราคายุติธรรม จากผู้ผลิตโดยตรง และการจัดส่งที่ตรงเวลา รับประกันถุงมือผ้าทุกชิ้นว่าผลิตได้ตามมาตรฐานสากล ลูกค้าที่ซื้อไปมั่นใจได้ในคุณภาพสินค้าและบริการที่ยอดเยี่ยม

การใช้งานของถุงมือผ้า
– ถุงมือต้องบอกขนาดอย่างชัดเจน ข้างไหนข้างซ้ายหรือขวา
– ถุงมือต้องบอกโรงงานผู้ผลิตวัสดุที่ใช้ผลิต วันเดือนปีที่ผลิต มาตรฐานการผลิต
– ใช้ถุงมือให้ถูกกับลักษณะงานที่ใช้ โดยดูคำแนะนำที่ระบุเอาไว้เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
– ถุงมือบางประเภทสามารถทำความสะอาดได้ หรือบางชนิดห้ามไม่ให้โดนแดด
– ถุงมือบางชนิดบอบบางขาดง่าย เราควรหาถุงมือชนิดหนามาสวมทับเพื่อยืดอายุการใช้งาน
– ถ้าถุงมือฉีกขาดควรเปลี่ยนทันทีไม่ควรใช้งานต่อ
– ไม่เก็บถุงมือในที่อุณหภูมิสูงหรือโดนแสงแดดเพราะถุงมืออาจเปลี่ยนสภาพได้
– เก็บถุงมือให้เรียบร้อยหลังใช้งานเสร็จ

การเลือกซื้อเครื่องซักผ้าและการใช้อย่างถูกวิธี

เครื่องซักผ้าปัจจุบันนี้เครื่องซักผ้าแทบจะเรียกได้ว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าพื้นฐานในบ้านไปแล้ว การเลือกซื้อเครื่องซักผ้าจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยผู้ซื้อควรเลือกให้ตรงกับการใช้งานและงบประมาณที่มีอย่างเหมาะสม ดังนี้
1. ดูความคงทนเข็งแรงเป็นหลัก โดยลองเคาะที่ตัวถังเพื่อดูวัสดุที่ใช้ว่ามีความแข็งแรงทนทานขนาดไหน วัดจากเสียงที่เราได้ยินกับความแข็งแกร่งตอนเคาะ นอกจากนี้น้ำหนักของตัวเครื่องและความจุในการซัก ที่ระบุในสเปกก็บอกถึงความแข็งแรงได้ ยิ่งความจุมากก็ยิ่งแข็งแรง และถ้าเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงเครื่องที่ใช้เหล็กทำเป็นตัวถังเครื่อง เพราะจะเกิดสนิมได้ง่าย ควรเลือกซื้อเครื่องซักผ้าที่ใช้พลาสติกแข็งหนาทำโครงสร้างด้านนอกจะดีกว่า
2. ความจุของตัวถัง เลือกความจุให้เหมาะสมกับการใช้งาน นอกจากนี้ควรเปรียบเทียบกำลังไฟที่ใช้กับความจุของถังซัก เทียบกันหลายๆ รุ่น ก็จะได้เครื่องที่ตรงกับความต้องการและประหยัดไฟ
3. ฟังก์ชั่นการซัก ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งในการเลือกซื้อเครื่องซักผ้า หากเลือกซื้อแบบถังคู่ก็ไม่ต้องคิดมาก เพราะซักแล้วผลที่ได้ไม่แตกต่างกันจนเห็นได้ชัดเจน จะต่างกันในเรื่องของราคาเครื่องอย่างเดียว แต่ถ้าเป็นถังเดี่ยว ต้องคิดมากหน่อย เพราะเดี๋ยวนี้มีการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในเครื่องซักผ้า บางคนซื้อไปไม่เคยใช้ก็มี ผลที่ได้ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก บางเครื่องมีระบบปั่นแห้ง แบบปั่นแล้วหยิบมารีดได้เลย ซึ่งไม่แตกต่างกับปั่นแห้งทั่วไปเพียงแต่ปั่นนานกว่าเท่านั้น เครื่องธรรมดาเพิ่มเวลาปั่นก็ได้แล้ว แถมอันตรายกับเนื้อผ้ามากๆ เพราะฉะนั้นจึงควรเลือกเฉพาะที่จำเป็นและเห็นว่าเป็นประโยชน์กับผู้ใช้เท่านั้น
4. ยี่ห้อและการรับประกัน ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญ แต่เครื่องซักผ้าถือว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสียน้อยมาก ส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานเกิน 5 ปีขึ้นไป

เครื่องซักผ้าแต่ละประเภทต่างกันอย่างไร
1. เครื่องซักผ้าฝาบน 2 ถัง( กึ่งอัตโนมัติ ) เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบซักผ้าครั้งละไม่มาก และชอบการแยกผ้าที่ซักออกเป็นครั้งๆหรือเป็นกลุ่มๆ เพราะสามารถหยุดซักโดยไม่ต้องถ่ายน้ำทิ้งหรือใช้น้ำและผงซํกฟอกนั้นซ้ำได้อีก เวลาซักโดยประมาณ 30 – 90 นาที
2. เครื่องซักผ้าฝาบน (อัตโนมัติ) เหมาะสำหรับผู้รักความคล่องตัว สะดวกสบาย พื้นที่ติดตั้งมีจำนวนจำกัด ราคาขึ้นอยู่กับโปรแกรมอัตโนมัติต่างๆและเทคนิคพิเศษ ทำให้เลือกได้มากกว่าประเภทอื่น เวลาซํกโดยประมาณ 27-90 นาที
3. เครื่องซักผ้าฝาหน้า เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์ที่ต้องการความสะอาด ประณีต ให้ความสำคัญของการถนอมเนื้อผ้า มีความทนทานในการใช้งาน เหมาะกับครอบครัวใหญ่ที่ซักในปริมาณมากและบ่อยครั้ง เวลาในการซักโดยประมาณ 30 – 140 นาที
4.เครื่องซักผ้าและอบผ้าในตัว (ฝาหน้า) เหมาะสำหรับีวิตประจำวันที่เร่งรีบ และการงานในทิ่อยู่อาศัยพื้นที่จำกัด หรือมีที่สำหรับตากผ้าไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะซักปริมาณน้อยแต่บ่อยครั้ง

การตัดสินใจซื้อคอลลาเจนต้องเลือกอย่างไร

วิตามินคอลลาเจนกำลังฮิตสุดๆ ในหมู่สาวๆ และยิ่งถ้าเป็นคนกลัวเข็ม กลัวเจ็บ กลัวเลเซอร์และกลัวการผ่าตัดด้วยแล้ว ยิ่งฮิตกันใหญ่เพราะแค่ดื่ม กิน ก็สวยใสได้และง่ายดี เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกวิตามินทั้งเม็ด ทั้งผง จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เนรมิตความสวยเต่งตึงของผิวให้ดีได้ แถมไม่ต้องเจ็บตัวเมื่ออายุเริ่มเข้าวัย 20 ปีขึ้นไป ตามหลักทางการแพทย์นั้นคอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิวหนังก็จะเริ่มสลายไปเรื่อยๆ ปีละ 1% ซึ่งแน่นอนว่าเมื่ออายุเริ่มมากขึ้นปริมาณคอลลาเจนก็ยิ่งน้อยลง จนเกิดปัญหาริ้วรอย เหี่ยวย่น หยาบกระด้าง ทำให้ผู้หญิงไม่มั่นใจเหมือนแต่ก่อน นักวิทยาศาสตร์จึงได้คิดค้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวหน้ารูปแบบใหม่ ด้วยการกิน การดื่ม ซึ่งง่ายต่อการใช้ในชีวิตประจำวันและในยุคที่ทุกอย่างดูเร่งรีบไปเสียหมด

ปัจจุบันคอลลาเจนมีให้เลือกมากมายไม่ว่าจะเป็นการชงดื่มหรือแคปซูลคอลลาเจนอาหารผิวแบบอัดเม็ด ซึ่งตอนนี้ในเมืองไทยเองก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น มีทั้งขายในห้างสรรพสินค้าหรือขายทางสื่อสังคมออนไลน์ ที่ขายโดยทั่วๆไปนั้น ส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยคอลลาเจนที่สกัดจากปลาทะเลน้ำลึก กลูโคซามีน อะมิโนแอซิด วิตามินซี เกรฟซีส ผลไม้ในกลุ่มตระกลูเบอรรี่ทั้งหลาย ซึ่งสารสกัดเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายใดๆ ต่อร่างกาย แต่จะได้ผลแค่ไหนต้องลองใช้ดูเอาเอง!? แต่จากหลักทางทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็มีหลายสำนักทำกาารวิจัยมาแล้วว่าผลจากการดื่มหรือกินคอลลาเจนบำรุงผิวต่างๆ ช่วยให้ริ้วรอยบนใบหน้า จุดด่างดำ ผิวดูกระชับและสิวลดลง อีกทั้งดูชุ่มชื่นมากขึ้น หลังจากที่ทานติดต่อกันทุกวัน ภายใน 6 สัปดาห์ แต่ว่าผู้ใช้ก็ต้องดูแลตัวเองร่วมด้วย เช่นเลี่ยงแดด ทาครีมบำรุงผิว ซึ่งไม่รู้ว่าที่ผิวมันดีนั้น มาจากการทานคอลลาเจน หรือการดูแลตัวเองกันแน่ สำหรับวิธีดื่มควรทานในปริมาณตามที่กำหนด คือ วันละ 3 ช้อนชา โดยผสมลงในน้ำเปล่า หรือน้ำผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น น้ำฝรั่ง น้ำส้ม น้ำมะนาวเพราะจะดูดซึมวิตามินซีจากน้ำเหล่านี้เข้าไปด้วย ส่วนถ้าเป็นแคปซูล ก็ทานเวลาท้องว่างจะได้ดูดซึมดี วันละ 1-2 เม็ด ตามคำแนะนำของผู้ผลิต

อย่างไรก็ตามก่อนที่จะตัดสินใจซื้อคอลลาเจนมาทานนั้น เราต้องรู้ข้อจำกัดของคอลลาเจนด้วยเพราะถึงจะได้ผลวิจัยที่ดูสวยหรูก็จริง แต่คอลลาเจนที่ว่า ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะคนที่อายุต่ำกว่า 20 ปี เพราะร่างกายของคนในวัยดังกล่าว ยังสามารถสร้างคอลลาเจนได้เองและมากกว่าถ้ากินเข้าไปอีกจะยิ่งได้รับโปรตีนมากเกินความจำเป็น ซึ่งเป็นผลเสียต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย นอกจากนี้ ในกลุ่มที่มีอาการแพ้อาหาร เช่น เจลลาติน, กุ้ง, นมวัว, ถั่วเหลือง, ไข่ และข้าวบาร์เลย์ รวมทั้งคนที่เป็นโรคไต และโรคประจำตัวอื่นๆ ที่แพทย์สั่งจำกัดการรับประทานโปรตีนทุกชนิดก็ห้ามทานเด็ดขาด ส่วนถ้าใครทานแล้วเกิดความผิดปกติ รู้สึกร้อนๆ บวมๆ มีผื่นขึ้น แนะนำว่าให้หยุดทาน และควรปรึกษาแพทย์ทันที เพราะฉะนั้นการกินอาหารเสริมวิตามินไม่ใช่ใครก็กินได้ สิ่งที่สำคัญคือควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำจะดีที่สุดจะได้มีผิวพรรณที่สวย ปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ และมีสุขภาพดีอย่างที่หวังไว้โดยไม่ต้องมาคิดเสียใจภายหลัง